Accessibility Tools

ทีมU2Tมหาวิทยาลัยสู่ตำบลจับมือเทศบาลตำบลเจ็ดเสมียนจัดอบรมทำอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าอนามัย Face Shield พร้อมส่งมอบโรงพยาบาลเจ็ดเสมียนและชุมชนในการป้องกันโควิด 19

            เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 คณะทำงานมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และทีมU2T มหาวิทยาลัยสู่ตำบลเจ็ดเสมียน ร่วมกับเทศบาลตำบลเจ็ดเสมียนจัดอบรมเชิงปฏิบัติการสอนทำอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าอนามัย Face Shield ในกิจกรรม U2T สู้ภัยCOVID ภายใต้โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล) โดยนายเทวัญ ห่วงตระกูล นายกเทศมนตรีตำบลเจ็ดเสมียนเป็นประธานพิธีเปิดการอบรม ณ ห้องประชุมชั้น 1 สำนักงานเทศบาลตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีนายสมิทธิ สุภาพพรชัย กำนันตำบลเจ็ดเสมียน และคณะผู้บริหารของเทศบาลตำบลเจ็ดเสมียนร่วมในพิธี ทั้งนี้อาจารย์ดร.ทัศนีย์ นาคเสนีย์ อาจารย์คณะวิทยาการจัดการและคณะทำงานกล่าวรายงานวัตุประสงค์ของการจัดโครงการ ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ได้กำหนดให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการและจัดกิจกรรม U2Tสู้ภัย COVID ตำบลเจ็ดเสมียน ซึ่งในการอบรมเชิงปฏิบัติการสอนทำอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าอนามัย Face Shield ครั้งนี้เป็นหนึ่งในกระบวนการเพื่อจัดหาอุปกรณ์เจล สเปรย์ล้างมือเพื่อฆ่าเชื้อและการสอนทำปุกรณ์ป้องกันตนเอง การรณรงค์ป้องกันจากการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ได้แก่ การล้างมือ เว้นระยะห่าง และการสวมใส่หน้ากากอนามัย และสอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด 19 โดยนายฐิติรัตน์ สุรพลพินิจ เป็นวิทยากรการอบรมให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)และคณะทำงาน ผู้รับจ้างงานมหาวิทยาลัยสู่ตำบลจำนวน 20 คน เพื่อนำความรู้ไปต่อยอดส่งเสริมให้กับประชาชนในชุมชนพื้นที่ตำบลเจ็ดเสมียน 19
            ในการนี้ทางคณะทำงาน อาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการและผู้เข้าร่วมการอบรมก็จะมีการส่งมอบอุปกรณ์ เจล สเปรย์ล้างมือให้กับประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าอนามัย Face Shield ให้กับโรงพยาบาลตำบลเจ็ดเสมียน เพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 รวมถึงการรณรงค์เชิงรุกเพื่อป้องกันสร้างความตระหนักให้กับประชาชน การจัดพื้นที่ให้เหมาะสมตามมาตรการ ตลอดจนรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้เกิดการฉีดวัคซีนในพื้นที่อย่างทั่วถึงต่อไป

  ที่มา : งานประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร